วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2557

ความหมายของอาเซียน

ความหมายและความสำคัญของประชาคมอาเซียน
“ประชาคมอาเซียน” เป็น เป้าหมายของการรวมตัวกันของประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองและขีดความสามารถการแข่งขันของอาเซียนในเวทีระหว่าง ประเทศในทุกด้าน รวมถึงความสามารถในการรับมือกับปัญหาใหม่ๆ ในระดับโลกที่ส่งผลกระทบมาถึงภูมิภาคอาเซียน เช่น ภาวะโลกร้อน การก่อการร้าย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การเป็นประชาคมอาเซียน คือการทำให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเป็น “ครอบครัวเดียวกัน” ที่มีความแข็งแกร่งและมีภูมิต้านทานที่ดี โดยสมาชิกในครอบครัวมีสภาพความอยู่ที่ดี ปลอดภัย และสามารถทำมาค้าขายได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น

แรงผลักดันสำคัญที่ทำ ให้ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนตกลงกันที่จัดตั้งประชาคมอาเซียน อันถือเป็นการปรับปรุงตัวครั้งใหญ่และวางรากฐานของการพัฒนาของอาเซียน คือ สภาพแวดล้อมระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ที่ทำให้อาเซียนต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ เช่นโรคระบาด อาชญากรรมข้ามชาติ ภัยพิบัติธรรมชาติ และปัญหาสิ่งแวดล้อม ภาวะโลกร้อน และความเสี่ยงที่อาเซียนอาจจะไม่สามารถแข่งขันทางเศรษฐกิจได้กับประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะจีนและอินเดีย ซึ่งมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด

ประชาคม อาเซียนถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคม 2546 จากการที่ผู้นำอาเซียนได้ร่วมลงนามในปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมืออาเซียน ที่เรียกว่า “ข้อตกลงบาหลี 2” เพื่อเห็นชอบให้จัดตั้งประชาคมอาเซียน ภายในปี 2563 แต่ต่อมาได้ตกลงร่นระยะเวลาจัดตั้งให้เสร็จในปี 2558

 
อ้างอิง http://www.enn.co.th/2308
 

วัตถุประสงค์การจัดตั้งอาเซียน


วัตถุประสงค์เริ่มแรกเพื่อสร้างสันติภาพในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ อันนามาซึ่งเสถียรภาพทางการเมือง และความเจริญกาวหน้าทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม และเมื่อ การค้าระหว่างประเทศในโลกมีแนวโน้มกีดกันการค้ารุนแรงขึ้น ทำให้อาเซียนได้หันมามุ่งเน้นกระชับและ ขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างกันมากขึ้น วัตถุประสงค์หลักที่กำหนดไว้ในปฏิญญาอาเซียน                  (The ASIAN Declaration) มี7 ประการ ดังนี้
1.ส่งเสริมความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ความกาวหน้าทางสังคมและวัฒนธรรม
2.ส่งเสริมการมีเสถียรภาพ สันติภาพและความมันคงของภูมิภาค
3.ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม วิชาการ วิทยาศาสตร์และด้านการบริหาร
4.ส่งเสริมความร่วมมือซึ่งกนและกันในการฝึกอบรมและการวิจัย
5.ส่งเสริมความร่วมมือในด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม การค้า การคมนาคม การสื่อสาร และ ปรับปรุงมาตรฐานการ ดำรงชีวิต
6.ส่งเสริมการมีหลักสูตรการศึกษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
7.ส่งเสริมความร่วมมือกบองค์กรระดับภูมิภาคและองค์กรระหว่างประเทศ

 
 อ้างอิง http://www.nwvoc.ac.th/asean/asean2.html

ธงและสัญลักษณ์ในอาเซียน

 
ธงชาติอาเซียนมีสัญลักษณ์คือต้นข้าวสีเหลือง 10 ต้นมัดรวมกันไว้หมายถึงประเทศสมาชิกรวมกันเพื่อมิตรภาพและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
           
          สีน้ำเงิน หมายถึง สันติภาพและความมั่นคง
          สีแดง หมายถึง
ความกล้าหาญและความก้าวหน้า
          สีขาว หมายถึง
ความบริสุทธิ์
          สีเหลือง หมายถึง
ความเจริญรุ่งเรือง


    1. Brunei Darussalam (บรูไน ดารุสซาลาม)
          ธงชาติบรูไน ลักษณะของธงชาติมีพื้นสีเหลือง โดยมีแถบสีขาว และสีดำ พาดตามแนวทแยงมุมจากด้านคันธงจรดปลายธง ซึ่งแถบสีขาวอยู่ด้านบน แถบสีดำอยู่ด้านล่าง ขณะที่กลางธงนั้น มีตราแผ่นดินของบรูไนประทับอยู่ ซึ่งสีต่าง ๆ มีความหมาย ดังนี้ 
        สีเหลือง หมายถึง กษัตริย์

        สีขาว และสีดำ หมายถึง
มุขมนตรี


2. Kingdom of Cambodia (ราชอาณาจักรกัมพูชา)

ธงชาติกัมพูชา ลักษณะผืนธงแบ่งตามแนวยาวเป็น 3 ริ้ว โดยริ้วตรงกลางจะเป็นสีแดง กว้าง 2 ส่วน มีรูปปราสาทหินนครวัดสามยอดสีขาวอยู่บริเวณกึ่งกลาง ขณะที่ริ้วด้านนอกทั้ง 2 ด้าน มีสีน้ำเงิน และกว้างริ้วละ 1 ส่วนเท่า ๆ กัน โดยสีต่าง และสัญลักษณ์ต่างของธง มีความหมาย ดังนี้

         สีน้ำเงิน หมายถึง กษัตริย์

         สีแดง หมายถึง ชาติ

         ส่วนปราสาทนครวัดสีขาว หมายถึง สันติภาพ



                              3. Republic of Indonesia (สาธารณรัฐอินโดนีเซีย)          
 ธงชาติอินโดนีเซีย พื้นธงแบ่งเป็นสองส่วนตามแนวนอน โดยสีต่าง ๆ ของธง มีความหมาย ดังนี้

           สีแดง หมายถึง
ความกล้าหาญ และอิสรภาพ

           สีขาว หมายถึง
ความบริสุทธิ์ยุติธรรม




          4. Lao People’s Democratic Republic (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว)
          ธงชาติลาว ลักษณะผืนธงแบ่งตามแนวยาวออกเป็น 3 ส่วน โดยแถบตรงกลางจะเป็นสีน้ำเงิน กว้าง 2 ส่วน มีพระจันทร์ทรงกลมสีขาวอยู่กึ่งกลาง ขณะที่แถบด้านนอกทั้ง 2 ด้าน มีสีแดง และกว้างริ้วละ 1 ส่วน เท่า ๆ กัน โดยสีต่าง ๆ ของธง มีความหมาย ดังนี้


           สีแดง หมายถึง เลือดแห่งการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของชาวลาว

           สีน้ำเงิน หมายถึง ความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ของชาติ

           พระจันทร์สีขาว หมายถึงเอกภาพของ


      5.Malaysia (มาเลเซีย)
          ธงชาติมาเลเซีย มีแถบสีแดงสลับสีขาวรวม 14 แถบ แต่ละแถบมีความกว้างเท่ากัน ที่มุมธงด้านคันธงมีรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีน้ำเงินกว้าง 8 ใน 14 ส่วนของผืนธงด้านกว้าง และยาวกึ่งหนึ่งของผืนธงด้านยาว ภายในรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าดังกล่าว มีเครื่องหมายพระจันทร์เสี้ยว และดาว 14 แฉก ซึ่งสี และสัญลักษณ์ ต่าง ๆ มีความหมาย ดังนี้


           แถบริ้วสีแดง และสีขาว ทั้ง 14 ริ้ว หมายถึง สถานะอันเสมอภาคของรัฐสมาชิกทั้ง 13 รัฐ ภายในประเทศมาเลเซีย

           ดาว 14 แฉก หมายถึง ความเป็นเอกภาพในหมู่รัฐดังกล่าวทั้งหมด

           พระจันทร์เสี้ยว หมายถึง ศาสนาอิสลามอันเป็นศาสนาประจำชาติ

           สีเหลืองในพระจันทร์เสี้ยว และดาว 14 แฉก สื่อถึง ผู้เป็นประมุขแห่งสหพันธรัฐ
           สีน้ำเงิน หมายถึง ความสามัคคีของชาวมาเลเซีย
 

6. Republic of the Union of Myanmar (สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า)

      ธงชาติพม่า ได้แบ่งตามความยาวออกเป็น 3 ส่วน และมีความกว้างเท่า ๆ กัน โดยแต่ละส่วน มีสีที่แตกต่างกัน ไล่จากบนลงล่าง คือ สีเหลือง สีเขียว และสีแดง ขณะที่กึ่งกลางธงมีรูปดาว 5 แฉก สีขาวขนาดใหญ่ ซึ่งสี และสัญลักษณ์ ต่างๆ มีความหมาย ดังนี้

        สีเขียว หมายถึง สันติภาพ ความสงบ และความอุดมสมบูรณ์ของพม่า
    
       สีเหลือง หมายถึง ความสามัคคี
        
       สีแดง หมายถึง ความกล้าหาญ ความเข้มแข็ง เด็ดขาด

       ดาวสีขาว หมายถึง สหภาพอันมั่นคงเป็นเอกภาพ

7. Republic of the Philippines (สาธารณรัฐฟิลิปปินส์)

      ธงชาติฟิลิปปินส์ ด้านต้นธงเป็นรูปสามเหลี่ยมสีขาว เป็นเครื่องหมายแทนความเสมอภาค และภราดรภาพ ซึ่งภายในสามเหลี่ยมสีขาว ประกอบด้วย ดวงอาทิตย์รัศมี 8 แฉก ล้อมด้วยดาว 5 แฉก จำนวน 3 ดวง และตั้งอยู่ตามมุมของรูปสามเหลี่ยม ซึ่งสัญลักษณ์ทั้งหมด ล้วนเป็นสีทอง ส่วนด้านที่เหลือของธง ได้แบ่งครึ่งตามความยาว โดยแถบบนมีสีน้ำเงิน และแถบล่างมีสีแดง
ทั้งนี้ หากแถบทั้งสองสีดังกล่าว ได้มีการสลับตำแหน่งกัน คือ แถบสีแดงอยู่ด้านบน แถบสีน้ำเงินอยู่ด้านล่าง แสดงว่า ขณะนั้นประเทศฟิลิปปินส์กำลังอยู่ในภาวะสงคราม ส่วนสี และสัญลักษณ์ ต่างๆ มีความหมาย ดังนี้

       สีน้ำเงิน หมายถึง สันติภาพ สัจจะ และความยุติธรรม

       สีแดง หมายถึง ความรักชาติ และความมีคุณค่า

       ดวงอาทิตย์มีรัศมี 8 แฉก หมายถึง 8 จังหวัดแรกของประเทศ ที่มีความพยายาม ในการเรียกร้องเอกราชจากประเทศสเปน กระทั่งเกิดการปฏิวัติในปี พ.ศ. 2439

       ดาวสามดวง หมายถึง การแบ่งพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของประเทศออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่ เกาะลูซอน เกาะมินดาเนา และหมู่เกาะวิสายัน

8. Republic of Singapore (สาธารณรัฐสิงคโปร์)

           ธงชาติสิงคโปร์ ประกอบด้วยแถบสองสีแบ่งครึ่งกลางธง แถบสีแดงอยู่ด้านบน แถบสีขาวอยู่ด้านล่าง ที่มุมด้านบนของคันธง เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ถัดจากรูปดังกล่าวมีดาว 5 แฉก จำนวน 5 ดวง เรียงเป็นรูปห้าเหลี่ยมด้านเท่า โดยรูปพระจันทร์เสี้ยว และดาว 5 แฉก ต่างมีสีขาว ซึ่งสี และสัญลักษณ์ ต่างๆ มีความหมาย ดังนี้

       สีแดง หมายถึง ภราดรภาพ และความเสมอภาคของมนุษย์โดยทั่วหน้า

       สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์ และความดีงามที่แพร่หลาย และคงอยู่ตลอดกาล

       รูปพระจันทร์เสี้ยว ซึ่งเป็นจันทร์เสี้ยวข้างขึ้น หมายถึง ความเป็นชาติใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้น
ดาว 5 ดวง หมายถึง อุดมคติ 5 ประการของชาติ ได้แก่ ประชาธิปไตย สันติภาพ ความก้าวหน้า ความยุติธรรม และความเสมอภาค

9. Kingdom of Thailand (ราชอาณาจักรไทย)

        ธงชาติไทย ประกอบด้วย 3 สีหลัก ได้แก่ สีแดง สีขาว และสีน้ำเงิน มีการแบ่งเป็นริ้วจำนวน 5 แถบ ซึ่งแถบในสุดเป็นสีน้ำเงิน ถัดมาด้านนอกทั้งด้านบน ด้านล่าง เป็นสีขาว และสีแดงตามลำดับ ทั้งนี้ แถบสีน้ำเงินมีขนาดใหญ่กว่าแถบสีอื่นเป็น 2 เท่า ส่วนสีต่าง ๆ มีความหมาย ดังนี้

       สีแดง หมายถึง ชาติ

       สีขาว หมายถึง ศาสนา

       สีน้ำเงิน หมายถึง พระมหากษัตริย์

      

10. Socialist Republic of Vietnam (สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม)

          ธงชาติเวียดนาม พื้นธงเป็นสีแดงล้วน ตรงกึ่งกลางมีรูปดาว 5 แฉก สีเหลืองทอง เป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่าหมายถึงชนชั้นต่าง ๆ ในสังคมเวียดนาม คือ นักปราชญ์ ชาวนา ช่างฝีมือ พ่อค้า และทหาร ส่วนสีต่าง ๆ มีความหมาย ดังนี้

         สีแดง หมายถึง การต่อสู้เพื่อกู้เอกราชของชาวเวียดนาม

         สีเหลือง หมายถึง ชาวเวียดนาม

       
 อ้างอิง http://hilight.kapook.com/view/75319

การแต่งกายประจำชาติของประเทศสมาชิกอาเซียน

  1.ชุดประจาชาติบรูไน
 



หญิง สวมเสื้อคลุมยาว ที่เรียกว่า "บาจูกูรง" ใส่กระโปรงมิดชิด และสวม "ฮิญาบ" ผ้าคลุมศีรษะสาหรับหญิงอิสลาม

ชาย สวมเสื้อแขนยาว คอปิด กางเกงขายาว มีผ้าพันรอบเอว และสวมหมวก หรือมีผ้าพันศีรษะ


2.ชุดประจําชาติกัมพูชา



หญิง สวมเสื้อมีลายลูกไม้ที่คอและแขน อาจห่มสไบทับ และนุ่งผ้าทอมือ ที่เรียกว่า ซัมปอต (Sampot)
และคาดเข็มขัดทับ

ชาย สวมเสื้อคอปิด แบบราชปะแตนที่ทาจากผ้าไหมหรือผ้าฝ้ายกับกางเกงขายาว และสวมรองเท้าหนังแบบสากล


3.ชุดประจำชาติอินโดนีเซีย


หญิง สวมเสื้อ "คะบาย่า" เสื้อแขนยาว คอแหลม ผ่าหน้าอกเข้ารูปยาวปิดสะโพก ปักฉลุลายลูกไม้ เข้ากับผ้าโสร่งที่เป็นผ้าพื้นเมืองที่เรยกว่า "ปาเต๊ะ" หรือ "บาติก" โดยมีผ้าคล้องคอยาว และสวมรองเท้าแตะหรือส้นสูงแบบสากล

ชาย สวมเสื้อคอปิด สวมหมวกคล้ายหมวกหนีบ นุ่งกางเกงขายาว หรือโสร่งสีและลงดลายเข้ากับหมวกสวมรองเท้าแตะหรือรองเท้าหุ้มส้น หากเข้าพิธีสาคัญ จะเหน็บกริชด้วย ซึ่งวิธีแต่งกายจะแตกต่างกันไปตามแต่ละเกาะ


4.ชุดประจำชาติลาว


หญิง นุ่งผ้าซิ่นทอลาย ใส่เสื้อแขนยาว ทรงกระบอก และมีสไบเฉียงพาดไหล่

ชาย นุ่งโจงกระเบน และสวมเสื้อชั้นนอก กระดุมเจ็ดเม็ด



5.ชุดประจำชาติมาเลเซีย




หญิง สวมเสื้อ "บาราจูกุง" ซึ่งเป็นเสื้อแขนยาว ที่มีขนาดตัวยาวถึงเข่า หรือเสื้อ "คะบาย่า" ซึ่งเป็นเสื้อแขนยาวสีสันสดในและมีฉลุดอกไม้ ขนาดพอดีตัวปิดถึงสะโพก และนุ่งกับโสร่งที่มีลวดลายเข้ากับเสื้อ บางครั้งมีผ้ากคล้องคอ และสวมรองเท้าแตะ หรือร้องเท้าส้นสูงแบบสากล

ชาย สวมเสื้อแขนยาวแบบคอปิดติดกระดุม และนุ่งกางเกงขายาวสีเดียวกับเสื้อ ที่เรียกว่าชุด "บาจูมลายู" ซึ่งมีผ้าคาดทับเอว และสวมหมวกแบบมุสลิมี่เรียกว่า "ซอเกาะ" สวมรองเท้าหนังแบบสากล


6.ชุดประจำชาติพม่า





หญิง สวมเสื้อข้างในเป็นคอกลม เอวสั้น โดยมีเสื้อนอกแขนกระบอกยาว ซึ่งนิยมใช้ผ้าเนื้อบางลายลูกไม้สีสดเข้ากับสีของ "ลองยี" หรือโสร่ง ที่ยาวจรดข้อเท้าที่ต้องเหน็บชายผ้าไว้ที่เอวให้แน่นโดยไม่ใช้เข็มขัด อาจมีผ้าบางคล้องไหล่และสวมรองเท้าแตะ

ชาย สวมเสื้อคอกลม  ติดกระดุมป้ายมาดานข้างแบบจีนที่เรียกว่า "กุยตั๋ง" หรืออาจจะใส่เสื้อตัวยาวถึงสะโพก ติดกระดุมตรงกลางที่เรียกว่า "กุยเฮง" นุ่งโสร่งลองยี และมีผ้าแพรสีขาวหรือสีชมพูโพกศีรษะ และสวมรองเท้าแตะ


7.ชุดประจําชาติฟิลิปปินส์



หญิง นุ่งกระโปรงยาว และสวมเสื้อแขนสั้น จับจีบยกตั้งขึ้นเหนือไหล่ คล้ายปีกผีเสื้อ เรียกว่า บาลินตาวัก

ชาย ใส่กางเกงขายาว และสวมเสื้อที่เรียกว่าบารองตากาล๊อก (Barong Tagalog)


8.ชุดประจําชาติสิงคโปร์





หญิง สวมเสื้อและผ้าถุงพิมพ์ลาย สีสันสดใส

ชาย สวมสูทสากล


9.ชุดประจำชาติเวียดนาม


หญิง สวมชุด "อ่าว หญ่าย" (Ao Dai) เป็นเสื้อคลุมยาวคอตั้ง กับกางเกงขายาว

ชาย สวมชุดที่คล้ยกับผู้หญิง แต่มีกระดุมที่ตัวเสื้อ


10.ชุดประจำชาติไทย




หญิง สวมชุดไทยจักรี ประกอบด้วยสไบเฉียง เปิดบ่าข้างขวา ชายสไบคลุมด้านซ้าย ทิ้งชายด้านหลังยาวตามสมควร และนุ่งทับ ด้วยผ้าซิ่นไหมยก คาดเข็มขัด และสวมเครื่องประดับ

ชาย สวมชุดพระราชทาน ตัวเสื้อเข้ารูปเล็กน้อย คอตั้ง ผ่าอกตลอด ติดกระดุม 5 เม็ด มีทั้งแขนสั้นและแขนยาว โดยจะเป็นสีเรียบ หรือมีลวดลายก็ได้



อ้างอิง http://hilight.kapook.com/view/73561